
งูกินงู รุ่น 1 หลวงพ่อรุ่ง ปิยธโร เจ้าสำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย จ.ประจวบคีรีขันธ์ (2)
คลังพระเครื่องออนไลน์



ชื่อพระเครื่อง | งูกินงู รุ่น 1 หลวงพ่อรุ่ง ปิยธโร เจ้าสำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย จ.ประจวบคีรีขันธ์ (2) |
---|---|
อายุพระเครื่อง | 10 ปี |
หมวดพระ | เครื่องรางของขลัง |
ราคาเช่า |
450 บาท
|
เปิดให้เช่าตั้งแต่วันที่ | ส. - 16 ก.ย. 2566 - 13:24.48 |
แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อ | ส. - 02 ก.ย. 2566 - 21:38.52 |
รายละเอียด | |
---|---|
งูกินงู รุ่น 1 หลวงพ่อรุ่ง ปิยธโร เจ้าสำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ท้าวความยาว ๆ ล้านนามีความเชื่อในเรื่องของอำนาจเร้นลับ ความเชื่อในคาถาอาคม และอักขระเลขยันต์ เครื่องรางของขลังเป็นหนึ่งในความเชื่อของชาวล้านนาและไสยศาสตร์ คือ ศาสตร์ที่ว่าด้วยการใช้พลังจิตให้เกิดประโยชน์ ทั้งในทางสร้างสรรค์ และทำลาย เป็นศาสตร์ทางพลังเวทย์ และอาคม รวมถึงเครื่องรางของขลัง ทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้มีอิทธิพลรับมาจากเวทอินเดียและพุทธศาสนาแบบตันตระในยุคหลัง ไสยศาสตร์ มีสองด้าน คือ ขาวและดำ ที่มีการกระทำแบบสร้างสรรค์และทำลายกัน สังเกตดูภาษาขอมนั้น จะพบว่าอักขระทั้งหลายบนแผ่นยันต์ เป็นพุทธะวจนะ หรือบทสวด คือคำสอยของพระพุทธเจ้า การศึกษาของพระภิกษุสามเณร ก่อนที่จะศึกษาพระปริยัติธรรม ในอดีตต้องศึกษาจากหนังสือ หรือคัมภีร์ใบลานจะจารึกเป็นภาษาขอมโบราณ ทำให้พระภิกษุสามเณรต้องเรียนรู้ตัวขอม ต่อมามีการเขียนพระสูตรต่างๆ ลงบนผ้า แผ่นกระดาษ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเขียนยันต์ และต่อมาได้มีการพลิกแพลงเป็นรูปต่างๆ ตามจินตนาการ ครูบาอาจารย์และเกจิอาจารย์ได้ใช้วิชาเหล่านี้ส่งฤทธิ์ผ่านทางยันต์ ผ้ายันต์ผืนผ้าจารึก คาถา อักขระโบราณ และภาพสัญญาลักษณ์ต่าง ที่เกิดจากความเชื่อทางไสยศาสตร์ของอาณาจักรสุวรรณภูมิ ได้รับถ่ายทอดมานานนับพันปี ความเชื่อและความศรัทธาในผืนผ้า ถือเป็นสิ่งเคารพบูชาอันล้ำค่า และเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนในด้านอิทธิปาฏิหาริย์ ผ้ายันต์แบ่งออกด้วยกันหลายประเภท ในฉบับนี้จะนำผ้ายันต์ที่มีพุทธคุณในด้านเมตตามหานิยม วรรณกรรมในทางพุทธศาสนากล่าวถึง “นาค” ไว้มากมาย ได้มีการเชื่อโยงถึงบทบาททางความเชื่อของคนล้านนา ชาวล้านนาเชื่อว่า ในแต่ละปีน้ำน้อยหรือมากขึ้นอยู่กับจำนวนของนาคที่ขึ้นมาพ่นน้ำให้เกิดฝนตก หากปีใดนาคมีจำนวนน้อย ปีนั้นน้ำจะมาก แต่ถ้าปีใดนาคมีจำนวนมากปีนั้นน้ำจะน้อย เพราะถ้ามีนาคหลายตัวจะเกี่ยงกันพ่นน้ำ และดูว่าปีไหนนาคจะให้น้ำกี่ตัว จะมีสูตรในการดูซึ่งมีอยู่หลายตำรา นาคเป็นอมนุษย์ มีพละกำลังมหาศาล ทรงอานุภาพด้วยอิทธิฤทธิ์อาศัยอยู่ใต้บาดาลที่เรียกว่า นาคพิภพ รูปร่างทั่วไปลักษณะคล้ายงู โดยปกติแล้วนาคสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ แต่มีข้อยกเว้น คือในเวลา เกิด ตาย นอนหลับ ร่วมเพศ และเวลาลอกคราบ การแปลงกายของนาคมิใช่ว่าจะแปลงได้ทุกแห่ง เพราะนาคมี 2 ประเภท คือ นาคที่แปลงกายได้เฉพาะบนบก เรียกว่า “ถลชะ” และนาคที่แปลงกายได้เฉพาะในน้ำเรียกว่า “ชลชะ” ด้วยความศรัทธาและความเชื่อในอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ของนาคจึงปรากฏรูปยันต์ที่ เป็นรูปนาคอยู่ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นผ้ายันต์ ยันต์ที่ใช้สักบนร่างกาย หรือยันต์ที่ลงในแผ่นโลหะใช้เป็นเครื่องรางตามความเชื่อ เครื่องรางล้านนาที่จัดว่าเป็นสุดยอด คือ บ่วงนาคบาศ ที่มีพุทธคุณเด่นในด้านโชคลาภ และป้องกันภัย คือ มีกินไม่หมด ไม่มีอด งูกินหางกัน ต่างตัวก็ต่างกิน ยิงกินก็ยิ่งรัดเข้าหากัน พอชนกันก็คลายออก จึงเรียก “กินไม่หมด” ตามคำโบราณ “นาคบาศ” คือ “ศรของอินทรชิต” ที่ยิงไปเป็นงูรัดศัตรู ซึ่งภายหลัง พญานาคราชได้มีครอบครองไว้ และพรานบุญได้ไปขอยืมจาก พญานาค และเนื่องจากพรานบุญเคยช่วยเหลือ พญานาคราชไว้ พญาได้ให้สัญญาว่า ขอสิ่งใดก็จะทำให้ ทั้งที่เป็นของสำคัญ และกลัวพรานบุญไม่คืนให้ แต่ก็ให้ไป เพราะต้องรักษาคำพูด พรานบุญจึงสามารถจับกินรีได้ และนำบ่วงบาศนั้นกลับคืนให้กับ พญานาคราช ในตำราล้านนากล่าวไว้ว่า สามารถชนะทุกอย่าง หรือชนะหมด ใช้ทำน้ำมนต์ เสริมดวง ป้องกันภูตผี และคุณไสย เป็นเมตตามหานิยมแคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายดี มีกินไม่อด มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม และเด่นด้านการเสี่ยงโชค วิธีการบูชาแช่ในน้ำสะอาด บูชาด้วยดอกไม้ขาว เอาไว้ต่ำกว่าพระเครื่องและเครื่องราง ทุกวันพระให้เปลี่ยนดอกไม้ หากเนื้อของนาคบาสไม่แกร่งควรแช่น้ำสะอาดเฉพาะวันพระ คาถาบ่วงนาคบาศ ใช้สำหรับเสี่ยงโชค..... “โอม เอ หิ พญานาคะสุปัญญานัง สิทธิชะนาจิตตัง อุ มะอะ โชคลาภจงบังเกิด” ใช้สำหรับค้าขาย เมตตามหาเสน่ห์ ..... “เอหิ พญานาคะสุปัญญานัง พุทโธภะคะวา พุทธังสิทธิชะ นาจิตตัง ธัมมังสิทธิชะ นาจิตตัง สังฆังสิทธิชะ นาจิตตัง อิติปิโสภะคะวา พุทธมัดใจ โมเรียกมา บ่วงทัพพะนาคา เยติ โอมประสิทธิเม ใช้สำหรับสำหรับกันภูติกันภัย ..... “เอ หิ พญานาคสุปัณณานัง สิทธิชะนาจิตตัง อิติปิโส ภะคะวา พุทธังปิด ธัมมังปิด สังฆังปิด มะอุอะ” นาคบ่วงบาศ ถือว่าเป็นของหายาก จัดว่าเป็นที่สุดของโชคลาภ กินเท่าไหร่ก็ไม่จักหมดไม่จักสิ้น ถ้าบูชาเคารพจักชุ่มเย็นเปรียบเสมือนมีนาคมาอยู่ด้วย นิตยสารเมืองพระเครื่อง หมี เมืองพระ 23 มีนาคม 2016 · กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย · หลวงพ่อรุ่ง ปิยธโร สำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ บทความโดย ชายนำ ภาววิมล พระเกจิอาจารย์ผู้สืบสายพุทธาคมและภารกิจในการพัฒนาสำนักสงฆ์ท่าไม้ลายของหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม พระหนุ่มที่หลวงพ่อพาน สุขกาโม เคยกล่าวไว้ที่วัดเขาพรหมชะแง้ ว่า “เป็นพระภิกษุสงฆ์ต้องฝึกอยู่ป่าอยู่เขา อยู่วิเวกให้ได้ ต่อไป ท่านรุ่ง ต้องเป็นสมภารวัดในป่าในเขาเหมือนฉัน” ช่วงระหว่างปี ๒๕๔๐ – ๒๕๔๕ เป็นห้วงเวลาที่หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม วัดตาลกง เพิ่งเริ่มเปิดตัวสู่วงการพระเครื่องใหม่ๆ เพลานั้น พระเครื่องและวัตถุมงคลของหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ยังไม่ได้รับความนิยมมากเหมือนอย่างทุกวันนี้ พระสมเด็จเหม็นและเหรียญหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม รุ่นแรก เป็นเพียงพระหลักร้อยที่ไม่ค่อยมีใครสนใจมากนัก ลูกศิษย์ลูกหาหลักๆ ก็มีเพียงไม่กี่คน การเดินทางไปกราบนมัสการหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม แต่ละครั้งมีเวลามากพอที่จะพูดคุยกับท่านโดยไม่ต้องมีใครมาขัดจังหวะหรือทำให้เสียอรรถรสในการพูดคุย ยังจำได้ว่าหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม มีวัตถุอาถรรพ์หลายอย่าง ที่รู้จักกันดี คือ “แร่เขาพรหมชะแง้” ซึ่งเป็นแร่ที่เชื่อกันว่าเป็นแร่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นแร่ที่หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม นำมาจากเขาพรหมชะแง้และนำมาสร้างวัตถุมงคลหลายรุ่น แต่ละรุ่นล้วนมีประสบการณ์และเป็นที่นิยมเสาะแสวงหาในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาของท่านอย่างกว้างขวาง และอีกสิ่งหนึ่ง คือ “ไม้ชองระอา” หรือ “ไม้ทองระอา” ไม้นี้หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม นำมาสร้างพระขรรค์จำนวนหนึ่ง ในหนังสือชีวประวัติและภาพพระเครื่องหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เล่มปกแข็งที่ตีพิมพ์ในปี ๒๕๔๔ หน้า ๙๑ บันทึกไว้ว่า “พระขรรค์ไม้ทองระอา มี ๓ แบบ คือ พระขรรค์ครู ๓๒ เล่ม พระขรรค์ยอดเพชร จารด้วยหมึกน้ำเงิน ๗๐ เล่ม และจารด้วยหมึกแดง ประมาณ ๒๐๐ กว่าเล่ม” ไม้ทองระอาหรือไม้ชองระอา เป็นไม้เนื้ออ่อนที่หายากพอประมาณ หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ไปได้มาจากป่าละอู ซึ่งเป็นพื้นที่ทุรกันดารห่างไกล การเดินทางค่อนข้างลำบาก ที่ได้มาเพราะหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ต้องไปตรวจเยี่ยมสำนักสงฆ์ที่ก่อตั้งขึ้นด้วยแรงศรัทธาของกลุ่มลูกศิษย์ลูกหาในย่านนั้น โดยชาวบ้านร่วมใจกันถวายที่ดินให้หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เกือบ ๑๐๐๐ ไร่เมื่อครั้งที่ท่านธุดงค์ผ่านไปแถบนั้นเพื่อสร้างวัดเป็นที่พึ่งของพุทธศาสนิกชนในชุมชนท้องถิ่นนั้น ปัจจุบันอาณาบริเวณของสำนักสงฆ์นี้ เหลือเพียงประมาณ ๓๐๐ ไร่ สำนักสงฆ์แห่งนี้ หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม ได้มอบหมายให้พระลูกศิษย์ที่ท่านไว้วางใจมากที่สุดรูปหนึ่งไปปกครองดูแลในปี ๒๕๒๗ และจัดส่งพระวัดตาลกงจำนวนหนึ่งสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นประจำทุกปี สำนักสงฆ์แห่งนี้ คือ “สำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์” โดยมี “พระรุ่ง ปิยธโร” พระภิกษุหนุ่มอายุเพียง ๒๓ ปี พรรษา ๓ เป็นหลักในการปกครองดูแลสำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย ก่อนที่จะมอบหมายให้พระรุ่ง ปิยธโร มาดูแลและพัฒนาสำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เรียกพระรุ่ง ปิยธโร มาสอบถามความสมัครใจ ซักไซ้ไต่ถาม และทดสอบว่ามีพระหนุ่มที่ท่านจะส่งไปทำงานแทนท่านนั้น มีความสามารถทางด้านใดบ้าง เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่พระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร เล่าให้ฟัง มีสาระโดยสรุปว่าหลังจากที่สอบถามความสมัครใจแล้ว มีคำถามหนึ่ง คือ “ฉาบปูนเป็นไหม” พระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร ตอบไปว่า “ฉาบได้” แต่ไม่ยอมบอกว่า “ฉาบเป็น” และพูดเป็นเชิงติดตลกว่า “ไม่อยากบอกใครว่าเราทำได้ บอกไปทีใดเหนื่อยทุกที เพราะเขาจะใช้เราอยู่คนเดียว” กลับมาเรื่องการฉาบปูน พอได้ยินเช่นนั้น หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เลยสั่งให้พระรุ่ง ปิยธโร ลองฉาบปูนให้ดู พอเห็นพระรุ่ง ปิยธโร ฉาบปูนเรียบและทำงานดี ก็ซักต่อไปว่าฝึกมาจากไหน คำตอบจากพระรุ่ง ปิยธโร “ไม่ได้ฝึกมาจากไหน เห็นช่างปูนเขาทำ ก็ทำไปตามนั้น” ทำให้หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม พึงพอใจและเดินกลับขึ้นกุฏิไปด้วยความเบาใจ เรื่องเช่นนี้ หลายคนอาจไม่เชื่อ แต่สิ่งที่อยู่ในสายเลือดของคนเมืองเพชร คือ “จิตใจที่แข็งแกร่งและความสามารถเชิงช่าง” ทั้งสองสิ่งนี้ คือ จุดเด่นที่หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เชื่อมั่นและไว้วางใจให้พระภิกษุหนุ่มรูปนี้ มาทำงานสำคัญและยากแทนท่าน “พระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร” เป็นใครมาจากไหนและมีดีอย่างไร เหตุใด หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม จึงมอบหมายให้มาปกครองดูแล พัฒนาสำนักสงฆ์ในแดนทุรกันดารแห่งนี้ หลังการที่สื่อต่างๆได้เปิดตัวพระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร สู่วงการนักนิยมพระเครื่องโดยการจัดสร้างเหรียญรูปเหมือนรุ่นแรกในต้นปี ๒๕๕๘ และการนำภาพพระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร ออกเผยแผ่ในโลกออนไลน์ มีคำถามต่างๆ มากมายเกี่ยวกับพระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร บ้างก็ว่าเป็นพระหนุ่มอายุยังน้อย บ้างก็ว่าสำนักสงฆ์ไม่ใช่วัด บ้างก็ว่าเป็นเพียงพระลูกวัดธรรมดาไม่ใช่เจ้าอาวาส บ้างก็เลยเถิดไปว่าอยู่วัดตาลกงไม่ได้ หลวงพ่ออุ้น สุขกาโม เลยต้องส่งไปอยู่ที่สำนักสงฆ์ท่าไม้ลาย ....... สารพัดจะว่ากันไป แต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนบุคคลโดยไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ เมื่อฟังเรื่องราวต่างๆ จบแล้ว เลยตอบกับศิษย์คนนั้นไปว่า “น่าจะขอบคุณคู่สวดเหล่านั้น... หากพระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร ไม่มีอะไรดี คงไม่มีใครหยิบยกเรื่องของท่านมาตั้งประเด็นและวิพากษ์วิจารณ์กันสนุกปาก ทั้งๆ ที่ไม่เคยสัมผัสหรือพบเห็นพระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร เลย เพียงแค่เห็นรูปภาพในอินเตอร์เน็ตก็พูดกันไปเรื่อยเปื่อย เรื่องเช่นนี้ นักประชาสัมพันธ์มืออาชีพชอบมาก ชอบเพราะเป็นตัวบ่งชี้ว่า มีคนสนใจติดตามข่าวสาร ปล่อยเวลาสักพัก ปล่อยให้เวลาและปฏิปทาของพระเกจิอาจารย์หนุ่มรูปนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ เมื่อความจริงปรากฏ คำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้จะเป็นแรงส่งให้พระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร โดดเด่นขึ้นไปเรื่อยๆ” เพราะพระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร มิใช่พระรูปแรกที่เป็นเกจิอาจารย์ตั้งแต่อายุเพียงห้าสิบเศษๆ พระเกจิอาจารย์เมื่อวันวานที่มีชื่อเสียงเกียรติคุณโดดเด่นมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ครองสมณะเพศด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่องและสร้างสรรค์คุณูปการให้กับสังคม ก็มีถมไป ดูอย่างหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ซิ..... ท่านโด่งดังมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๐ กว่าๆ ตอนนั้นหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ก็มีอายุเพียง ๕๐ เศษๆ เช่นกัน พระเกจิอาจารย์ที่เป็นพระลูกวัด ไม่ได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสหรือมีสมณศักดิ์ใดๆ แต่มีศีลาจาริยาวัตรงดงาม ก็มีไม่น้อยเช่นกัน การพิจารณาว่าพระเกจิอาจารย์แต่ละรูปดีหรือไม่ดี เขาดูกันที่ปฏิปทา ศีลาจาริยาวัตรที่ปฏิบัติสืบเนื่องกันมาตั้งแต่วินาทีที่อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ จวบจนกระทั่งวันสุดท้ายที่ละสังขารจากโลกใบนี้ พระอาจารย์รุ่ง ปิยธโร เป็นคนบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี โดยกำเนิด มีชื่อเดิมว่า “รุ่ง อินทรพรหม” (นาม สกุลคล้ายกับหลวงพ่ออุ้น สุขกาโม “อินพรหม”) เป็นบุตรคนที่ ๖ ของนายเยื้อง และนางสำรวย อินทรพรหม เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๕ ตรงกับวันขึ้น ๑๑ ค่ำเดือนแปด ปีขาล ที่บ้านเลขที่ ๒๐ หมู่ ๒ ต.ไร่มะขาม อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา เมื่ออายุครบบวช ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุที่พระอุโบสถวัดตาลกง เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๒๕ โดยมีพระครูโพธิวัชรคุณ (แก้ว ฐิตรติ) วัดลุ่มโพธิ์ทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ ว่ากันว่า หลวงพ่อแก้ว ฐิตรติ รูปนี้ เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อเงิน จนฺทสุวณฺโณ วัดดอนยายหอม และเคยสร้างเหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อเงิน จนฺทสุวณโณ ออกให้เช่าบูชาที่วัดลุ่มโพธิ์ทองเช่นกัน พระครูวินัยวัชรกิจ (อุ้น สุขกาโม) เป็นฯลฯ |
กำหลังโหลด Comments