
หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต

ประวัติ วัดบรรพตคีรี (วัดภูจ้อก้อ) ต.หนองสูงใต้ อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร
หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต
วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) ตำบลหนองสูงใต้ อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร
นามเดิม หล้า เสวตร์วงศ์
เกิด วันจันทร์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๕๔ ตรงกับวันขึ้น ๓ ค่ำ ปีกุน ณ บ้านกุดสระ ตำบลกุดสระ อำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี
โยมบิดา คูณ เสวตร์วงศ์
โยมมารดา แพง เสวตร์วงศ์
บรรพชา เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี ณ วัดบัวบาน บ้านกุดสระ ตำบลกุดสระ อำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระอาจารย์หนู ติสฺสเถโร เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบท ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๓ โดยมี พระอาจารย์หนู ติสฺสเถโร เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชได้ไม่นานก็ลาสิกขาจากพระภิกษุ แม้จะไม่อยากลาเท่าใดนัก แต่หมู่เพื่อนพาคะนองก็ได้ลาไปตามเพื่อน ภายหลังท่านได้แต่งงาน ๒ ครั้ง มีบุตร ๑ คนกับภรรยาคนแรก และมีบุตร ๓ คน กับภรรยาคนต่อมา เมื่ออายุได้ ๓๒ ปี ได้กลับคืนสู่เพศพรหมจรรย์อีกครั้ง ในเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๘๖ ณ วัดบ้านยาง โดยมีพระครูคูณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เสาร์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ บวชอยู่ได้ ๓ พรรษา โยมมารดาก็ถึงแก่กรรม ภายหลังฌาปนกิจศพมารดาเสร็จ ก็ได้กราบลาอุปัชฌาย์ ไปหาท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) อุปัชฌาย์นั้นก็อาลัย ท่านจึงได้กราบเรียนว่า “กระผมบวชเมื่อแก่อายุขั้น ๓๐ ลูกตายเสียเมียตายจาก ถ้าอยู่ใกล้บ้านไม่ได้ปฏิบัติสะดวกโลกจะกล่าวว่าบวชเลี้ยงชีวิต และบวชคราวนี้ ก็เห็นภัยในสงสารอย่างเต็มที่ ไม่ไว้ใจในชีวิตเลยและไม่ไว้ใจในสังขารทั้งปวงด้วย อยากจะไปปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นทุกข์ในสงสารขอรับ” อุปัชฌาย์จึงอนุญาต เมื่อไปถึงวัดโพธิสมภรณ์แล้ว องค์ท่านก็เมตตารับไว้และให้โยมวัดป่าโพธิ์ชัย หนองน้ำเค็ม มารับเอาไปปฏิบัติ เพื่อรอญัตติ วัดนี้มีหลวงพ่อบุญมี (ศิษย์ผู้หนึ่งของพระอาจารย์ใหญ่มั่น) เป็นเจ้าอาวาส หลวงปู่หล้าได้กล่าวว่าท่านมีอุบายสั่งสอนเยือกเย็นแยบคายพอควร
ญัตติเป็นพระธรรมยุติกนิกาย ครั้นถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๘๘ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ขณะดำรงสมณศักดิ์ที่ พระเทพกวี ก็สั่งให้เข้าไปญัตติที่ วัดโพธิสมภรณ์ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี มีพระครูธรรมธร เป็นพระธรรมวาจาจารย์ แล้วก็ต่อนิสสัยกับหลวงพ่อบุญมีในวันนี้ ภายหลังจากที่ได้อยู่จำพรรษากับหลวงพ่อบุญมี ๑ พรรษาแล้ว ท่านก็ได้กราบลาหลวงพ่อบุญมีออกตามหาหลวงปู่มั่น หลวงปู่หล้าท่านได้เดินธุดงค์อยู่เป็นเวลาหลายเดือน ก็มาถึงวัดป่าบ้านหนองผือ ประมาณเที่ยงวันของเดือนเมษายน พ.ศ. ๒๔๘๙ ซึ่งท่านได้กราบเรียนหลวงปู่มั่นว่า “ขอมอบกายถวายชีวิตต่อพระอาจารย์ ผูกขาดทุกลมปราณ ตลอดทั้งคณะสงฆ์ในที่นี้ทุกๆองค์ด้วย ข้าน้อยว่าจะมาแต่ปีกลายนี้ แต่ท่านเจ้าคุณเทพกวีบอกว่าให้ไปหัดภาวนากับหลวงพ่อบุญมีวัดป่าหนองเค็มเสีย ก่อนในปีนี้” หลังจากนั้น ๕ วัน ก็ได้เข้ากราบเท้าท่านขอนิสสัยองค์ท่านก็กรุณารับไว้ ภายหลังพระอาจารย์มหาบัวได้กรุณาเตือนว่า “เอาให้ดีนะ เมื่อคุณได้มอบกายถวายตัวกับองค์ท่านแบบแจบจมอย่างนี้แล้ว ต้องเข่นหนักนะ เพราะองค์ท่านมีความหมายว่า จะจริงเหมือนที่มอบกายถวายตัวหรือไม่ หรือเป็นเพียงมายาว่าเปล่าๆ และจะแสดงการสู้ข้อต่อครูเหล่านี้เป็นต้น เพราะธรรมดาเหล็กเมื่อเอามาให้ช่างตีก็ต้องตี พอจะป็นมีดเป็นพร้าก็ต้องให้รู้จัก ถ้าเป็นเหล็กก้นเตาก็ใช้ไม่ได้คืนให้เจ้าของเดิม ถ้าเป็นเหล็กแข็งเผาไฟแดงๆ ก็ตีลงไปอย่างหนักนะท่าน แต่การตีค่อยตีแรง ไม่เป็นหน้าที่ของเหล็ก จะไปผูกขาด ตั้งกฎไว้ผูกมัดช่างผู้จะตีนะท่าน สิ่งเหล่านี้คุณต้องรู้ล่วงหน้าไว้นะ ผมนึกสงสารคุณเพราะเป็นชาวอุดรด้วยกัน แม้ตัวของผมท่านก็เข่นมามากแล้วด้วยอุบายต่างๆ ธรรมดาพ่อแม่ถึงจะเข่นลูกๆเต็มภูมิสักเพียงไรด้วยอุบายต่างๆนนา ก็ดี ยังมีเมตตาอยู่เต็มภูมิ และถือว่าเป็นลูกๆอยู่เต็มภูมินั้นเอง
มรณภาพ วันที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๙ ณ วัดบรรพตคีรี สิริรวมอายุได้ ๘๔ ปี ๑๑ เดือน
* ประวัติหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต นี้ หาอ่านเพิ่มเติมได้ในฉบับที่หลวงปู่หล้าได้เขียนไว้ ซึ่งตลอดทั้งเล่มมีเนื้อหาที่ซาบซึ้งกินใจมาก ควรอย่างยิ่งที่พุทธศาสนิกชนจะได้หามาอ่าน เพื่อให้เกิดสังฆานุสติ
ข้อมูลอ้างอิงจาก : dhammasavana.or.th